วันศุกร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ผลเลือกตั้งนายกสมาคมฟุตบอลไทย

สบายละฟุตบอลไทย ได้นายกฯ คนเดิม การนับคะแนนของอุปนายกและสภากรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลฯ ปรากฏว่า เป็นทางฝั่งของ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี ที่ได้รับเลือกเข้ามาทั้งหมดโดยอุปนายก 5 คนประกอบด้วย ดร.อุดรพันธ์ จันทรวิโรจน์ (43 คะแนน), ดร.ภิญโญ นิโรจน์ (43 คะแนน), พลอากาศตรี เจษฎา วิจารณ์ (43 คะแนน),พลเอก ชินเสณ ทองโกมล (41 คะแนน) และ นายวิชัย ล้ำสุทธิ (41 คะแนน) ส่วนสภากรรมการบริหารสมาคมฯประกอบด้วย พลโท หม่อมหลวง สุปรีดี ประวิตร (42คะแนน), พลเรือตรี อานนท์ ดาระสวัสดิ์ (42คะแนน), ดร.ภานุวัฒน์ สะสมทรัพย์ (42 คะแนน),นายเศกสิทธิ์ ไวนิยมพงศ์ (42 คะแนน), นายธัญญา โพธิ์วิจิตร (42 คะแนน), นายมิตติ ติยะไพรัช (42คะแนน) ดร.องอาจ ก่อสินค้า (41 คะแนน),พลตำรวจโท พิสัณห์ จุลดิลก (41 คะแนน), ดร.กษมชนะวงศ์ (41 คะแนน), นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ (41คะแนน), นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ (41 คะแนน),นายภูษิต พิศาลก่อสกุล (41 คะแนน), นางนวลพรรณล่ำซำ (41 คะแนน) โดยหลังเสร็จสิ้นการนับคะแนนทั้งหมดทางด้านกกต.ออกมายืนยันว่า มร.เจมส์ จอห์นสันผู้จัดการอาวุโสของฟีฟ่า และ มร.ซานจิวาล บาลาซิงกัมผู้อำนวยการฝ่ายดูแลสมาชิกและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของเอเอ ฟซี ทำการรับรองการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเป็นทางแล้ว ซึ่งถือเป็นเรื่องที่สิ้นสุด และจะทำการส่งเรื่องไปยังสำนักงานใหญ่ฟีฟ่าภายใน 1 ชั่วโมง หลังจากเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง นายก อุปนายก และสภากรรมการบริหารสมาคมฟุตบอลไทย
 

ฟุตบอลไทย จะได้ไปบอลโลกหรือไม่ เนื่องจากผลการเลือกตั้งที่ออกมา "บิ๊กก๊อง" วิรัช ชาญพานิชย์ ที่พ่ายแพ้ในครั้งนี้ได้ตั้งโต๊ะแถลงข่าวทันทีว่า มีหลายเรื่องไม่ถูกต้อง อย่างเรื่องคณะกรรมการอุทธรณ์ ทำไม คุณองอาจ ก่อสินค้า ถึงเข้าไปมีส่วนในการเปลี่ยนชื่อ จริงๆ แล้วคนที่เปลี่ยนได้คือคณะกรรมการกกต. และการเลือกตั้งครั้งนี้ผู้โหวตจะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับทีม ทำไม พลเอก ชินเสณ ทองโกมลถึงไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับปตท.ระยอง ทั้งๆ ที่เจ้าตัวเป็นประธานผู้ตัดสิน ซึ่งดูไม่เหมาะสม เช่นเดียวกับสุรินทร์ ซิตี้ที่มีชื่อของ นายสุนทร มีสุวรรณ ที่ไม่น่าเกี่ยวข้องกับจ.สุรินทร์ มันมีความไม่ชอบมาพากลอย่างแน่นอน จากนี้ไปจะรอดูผลว่ากกต.จะรับรองหรือไม่ ถ้ารับรองผลการเลือกตั้ง ก็จะปรึกษากับฝ่ายกฎหมายเพื่อฟ้องศาลแรงงานหาความเป็นธรรมต่อไปผมเองไม่ได้ ขี้แพ้ชวนตี ก็หวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นโมฆะ ขณะเดียวกัน "บังยี" ยังได้พูดถึงการทำงานที่จะบริหารอีกสมัยว่า "เทอมต่อไปผมจะทำงานแบบเกาะติด และใกล้ชิดกับเหตุการณ์อย่างเต็มที่ให้มากที่สุด ตามที่ได้กล่าวไว้ในนโยบาย ซึ่งเป้าหมายแรกคือการพาทีมคว้าแชมป์ซีเกมส์ที่พม่ากลับมาให้คนไทยได้มีความ สุขให้ได้ ส่วนเรื่องที่ได้ทำไปแล้วก่อนหน้านี้คือ การหางบประมาณให้กับทีมในไทยพรีเมียร์ลีกจำนวน 600 ล้านบาทต่อปี จำนวนเงินตรงนี้สามารถพัฒนาบุคลากรรวมถึงสโมสรต่างๆ ให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้นได้" ก็ต้องมาดูกันว่า บังยี จะพาฟุตบอลไทยไปบอลโลกได้ในชาตินี้หรือไม่

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น